พื้นไม้ลามิเนต


พื้นไม้ลามิเนต


พื้นไม้ลามิเนต (Laminate Flooring)

 

     ผลิตภัณฑ์พื้นไม้ลามิเนต เป็นวัสดุปูพื้นที่ประกอบไปด้วยชั้นวัสดุหลายๆ ชั้น เช่น ชั้นเคลือบผิวหน้า ชั้นตกแต่ง ชั้นแกนกลาง (ไม้ HDF) ชั้นป้องกันความชื้น ปัจจุบันเรานำเขาพื้นไม้ลามิเนตโดยตรงจากประเทศที่เป็นแหล่งผลิตที่มีคุณภาพดี ได้มาตรฐานตามสมาคมพื้นไม้ลามิเนตแห่งยุโรป (EPLF)

ขนาดและปริมาณ

 


 

พื้นไม้ลามิเนตประกอบด้วยชั้นต่างๆ 5 ชั้น ดังนี้

 

1. Overlay : ผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนตชั้นบน

     ผิวหน้าของพื้นไม้ลามิเนต จะถูกเคลือบด้วยสารประกอบของเรซิ่น ซึ่งประกอบไปด้วยสารเคลือบหลายอย่างเช่น อลูมิเนียมออกไซด์ หรือเมลามิน มีความหนาถึง กรัมต่อตารางเมตร. ซึ่งโดยปกติ มาตรฐานจะอยู่ที่ 38 กรัมต่อตารางเมตร. จึงทำให้ผิวหน้ามีความเเข็งเเรงทนทานต่อรอยขูดขีด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเสริมความแข็งแกร่งของพื้นไม้ลามิเนต

2. Decorative Layer Paper : ชั้นตกแต่ง

     คือชั้นของรูปภาพนั่นเอง เป็นส่วนที่ทำให้ลามิเนตมีคุณสมบัติการเลียนแบบพื้นผิวธรรมชาติเช่น ลายไม้ทำให้พื้นไม้ลามิเนตมีความเหมือนของจริงมาก

3. Core layer-Fiberboard : แกนกลางแผ่นไม้ HDF

     ชั้นของแผ่นได้บดผสมกาวเรซิ่น อัดด้วยความร้อนและแรงดันสูง โดยใช้กรรมวิธีการผลิตพิเศษได้รับมาตรฐาน E.1 จึงมั่นใจได้ว่า ปลอดภัยจากสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนแกนกลางของลามิเนตที่ช่วยรับน้ำหนักและแรงกดจากการเดิน ความหนาแน่นสูง HDF = 900 กรัมต่อตารางเมตร ที่มีความทนทานและทนต่อความชื้น อีกทั้งเรซิ่นอิ่มตัวยังทำให้เนื้อวัสดุมีความแข็งแกร่งมาก

 

Core layer-Fiberboard

ค่ามาตรฐานความหนาแน่น

HDF

880-920 kg/m3

MDF

680-830 kg/m3
 

 

4. Click Lock System & Paraffin Wax : รางลิ้นระบบคลิ๊กล็อค เคลือบสารพาราฟินแวกซ์

     ระบบการติดตั้งที่ดีที่สุด ทำให้ได้รอบต่อของแผ่นไม้เรียบสนิท โดยไม่ต้องใช้กาวในการติดตั้ง ผนวกกับเคลือบสารพาราฟินแวกซ์ บริเวณส่วนคลิ๊กล็อค เพื่อป้องกันความชื้นซึมเขาถึง

5. Balancing Stability Layer : แผ่นปิดผิวชั้นล่างป้องกันความชื้น

     ชั้นล่างสุดกคือชั้นที่ช่วยเรื่องความคงตัวและให้เสถียรภาพกับพื้นไม้และป้องกันความชื้น

คุณสมบัติของพื้นไม้ลามิเนต

1. ทนต่อรอยขีดข่วน

2. ทนต่อแรงตกหรือกดกระแทก

3. ทนต่อความร้อนของก้นบุหรี่ และคราบของนิโคตินสามารถเช็ดออกได้โดยง่าย

4. ไม่เป็นคราบสามารถเช็ดออกไดง่าย

5. สีและลายไม่ซีดจาง แม้จากการตากแดดโดยตรง

6. ดูแลรักษาความสะอาดง่ายและทนต่อน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ที่ใช้ภายในบ้าน ไม่สามารถทำให้ผิดหน้าเป็นรอยได้

7. ปลอดภัยเนื่องจากไม่มีขั้นตอนการผลิตที่ต้องใช้สาร Dioxins จึงปลอดภัยต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยพื้นผิวที่สะอาดถูกสุขอนามัยไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้

8. แข็งแรงแม้การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่ทำให้เกิดรอย

9. ติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว สามารถติดตั้งทับบนพื้นเดิมได้

 

ข้อมูลความรู้

     พื้นไม้ลามิเนต มีต้นกำเนิดจากประเทศในแถบยุโรป โดยมีประเทศเยอรมนีเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีการผลิต เป็นวัสดุปูพื้นทที่มาทดแทนไม้ปาร์เก้ และไม้จริง โดยมีข้อดีกว่า ด้วยคุณสมบัติที่เป็นจุดเด่น ข้อดังนี้

1. เวลาการติดตั้งที่รวดเร็วกว่า

2. ผิวหน้าสามารถทนทานต่อรอยขูดขีด แรงกดกระแทกได้ดีกว่า

3. สามารถเลือกอกสีผิวหน้าให้เป็นลวดลายที่ต้องการได้ ในขณะที่ไม้ปาร์เก้มีตาไมีจริง ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

 

ความแข็งแกร่งของพื้นไม้ลามิเนต

     ความเชื่อที่ว่า พื้นไม้ลามิเนต ยิ่งหนา ยิ่งแข็งแรงนั้นไม่ถูกต้องนัก โดยแท้จริงแล้วสามารถเทียบได้ดังนี้ ความหนาแน่นที่แกนกลาง แกนกลาง HDF ที่มีความหนาแน่นสูง จะทำให้สามารถรับแรงกระแทกได้ดี และการขยายตัวจากความชื้นน้อยลง สามารถเทียบความหนาแน่นได้โดยนำตัวอย่างที่ตัดแล้ว มาสังเกตเนื้อที่แกนกลางด้วยตาเปล่า

ค่า AC = Abrasion Classification = ข้อกำหนดการสึกถลอกของผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนต ตามมาตรฐาน EN13329 มีค่าตั้งแต่ AC1 – AC5 โดยค่ายิ่งมากยิ่งแสดงถึงความคงทนมาก

ค่า IC = Impact Classification = ข้อกำหนดการทนแรงกระแทกลงบนผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนต ตามมาตรฐาน EN13329 มีค่าตั้งแต่ IC1 – IC3 โดยค่ายิ่งมากยิ่งแสดงถึงความคงทนมาก

 

 

มาตรฐานการรับรองสากลของพื้นไม้ลามิเนต

เป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงการรับประกันคุณภาพของตัวพื้นไม้ที่เป็นสากลทั่วโลก ส่วนใหญ่มาจากสถาบันในยุโรป

     EPLF เป็นสมาคมพื้นไม้ลามิเนตแห่งสหภาพยุโรป มีหน้าที่ในการส่งเสริม ประชาสัมพันธ์ และสร้างมาตรฐานสำหรับพื้นไม้ลามิเนต ผู้ที่เป็นสมาชิกสมาคมได้ต้องเป็นผู้ผลิตพื้นไม้ผู้มีคุณภาพ และมาตรฐานสูง เพราะเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการกำหนดมาตรฐานพื้นไม้ลามิเนตของโลก

     NALFA เป็นสมาคมพื้นไม้ลามิเนตในทวีปอเมริกาเหนือ ก่อตั้งภายหลัง EPLF เป็นการรวมกลุ่มของผู้ผลิตในทวีปดังกล่าว

     CELQ เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงผู้ผลิตพื้นไม้ลามิเนตที่มีคุณภาพสูงมาก โดยเป็นสัญลักษณ์ที่มาแทน RAL เดิม โรงงานที่ได้สิทธิ์ประดับสัญลักษณ์นี้ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากสถาบันตรวจสอบอิสระ และต้องเป็นสมาชิกของ EPLF มาก่อนเท่านั้น

     E1 เป็นค่าการทดสอบการแพร่ของฟลอมาดีไฮด์ (Formaldehyde Emission) ที่แกนกลาง สารฟลอมาดีไฮด์ (สารประกอบฟลอมารีน) เป็นสารก่อมะเร็ง มีโทษเมื่อได้รับเข้าไปในปริมาณที่เกินจำกัด พื้นไม้ลามิเนต E1 บอกถึงพื้นที่ไม่มีการสะสมของฟลอมารีนในปริมาณที่เป็นอันตราย

     PEFC เป็นองค์กรอิสระที่ตรวจสอบการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ ของโรงงานไม้ต่างๆ ว่ามีมาตรฐานการจัดการที่ดีทางด้านสิ่งแวดล้อม การตัดไม้ที่ไม่เกินทั้งปริมาณและขนาด และการปลูกทดแทนให้ต้นไม้ได้เติบโตให้ทันกับปริมาณที่ใช้

 

 

พื้นไม้ลามิเนต ช่วยลดโลกร้อน

     พื้นไม้ลามิเนต ไม่ได้ผลิตจากไม้จริง 100% พื้นไม้ลามิเนต เป็นไม้ทางวิทยาศาสตร์ถูกออกแบบมาเพื่อ ลดการตัดไม้ทำลายป่า เพราะทุกวันนี้ไม้จริงเหลือน้อยเต็มที

     พื้นไม้ลามิเนตจึงถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทดเเทนไม้จริง ซึ่งมีราคาเเพงมากหากเป็นไม้ยืนต้นพื้นไม้ลามิเนต สามารถลดค่าใช้จ่ายหากคุณต้องการสัมผัสอารมณ์ของไม้จริงเพราะหน้าฟิลม์ของพื้นไม้ลามิเนตมีลวดลายและสีเหมือนไม้จริงมากๆ หากคุณเลือกใช้พื้นไม้ลามิเนตในการตกแต่งบ้านของคุณ ควรคำนึงถึงการใช้งานดังนี้

1. พื้นไม้ลามิเนตไม่สามารถติดตั้งนอกอาคาร ต้องติดตั้งภายในตัวอาคารเท่านั้น

2. พื้นไม้ลามิเนต สามารถทนน้ำได้ในระดับหนึ่งขึ้นอยู่กับค่า HDF ของผู้ผลิต

3. พื้นไม้ลามิเนต สามารถทนแต่รอยขูดขีดได้ดีกว่าไม้วิทยาศาตร์ชนิดอื่น

4. พื้นไม้ลามิเนต ใช้ระบบ Click Lock ในการติดตั้ง ห้ามใช้กาวในการติดตั้ง

5. พื้นไม้ลามิเนต ที่ดีควรมีค่า HDF และเคลือบเมลามีนและเคลือบ Wax ในช่วง Click Lock

 

 

แหล่งผลิตพื้นไม้ลามิเนต

     พื้นไม้ลามิเนตเดิมนั้นผลิตที่ประเทศเยอรมัน แต่ปัจจุบันนี้ ไม้ลามิเนต ได้มีการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีจาก ประเทศเยอรมันแต่ฐานการผลิตอาจจะเเตกต่างกันไป เช่น พื้นไม้ลามิเนต ที่ผลิตในประเทศมาเลเซีย ประเทศไทย และประเทศจีน ดังนั้นจึงทำให้ราคาของลามิเนตแตกต่างกันออกไป เนื่องจากค่าการผลิต,ค่าขนส่ง,และค่าการตลาด ฯลฯ  รวมทั้งวัสดุที่ใช้ในการทำลามิเนต ไม้ลามิเนต ที่ผลิตที่ประเทศเยอรมันนั้นเป็นไม้ที่มีความเป็นมาตรฐานสูง เพราะเป็นบริษัทที่เป็นคนต้นคิดวิธีการผลิต รวมทั้งมีมาตรฐานที่สูง มีการทดสอบที่เป็นระบบมากกว่าหลายๆ ประเทศ

     แต่ข้อควรคำนึงในการเลือกใช้ พื้นไม้ลามิเนต เพื่อบ้านนั้น ต้องคำนึงถึงสภาพอากาศและการดูเเลรักษาที่ถูกวิธีเพราะแม้ว่าคุณจะเลือกใช้ ไม้ลามิเนต ที่ราคาแพง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะคงทนและเเข็งเเรงกว่าไม้ลามิเนตที่ผลิตในประเทศอื่นๆ  ไม้ลามิเนตที่มาจากประเทศเยอรมันนั้น ราคาค่อนข้างสูง ส่วนไม้ลามิเนต ที่ผลิตจากมาเลเซียนั้นกำลังเป็นที่นิยมสำหรับประเทศไทย เนื่องจากว่าต้นทุนการขนส่งนั้นน้อยกว่า รวมทั้งทรัพยากรในการผลิตก็มีมากกว่า ทำให้ พื้นไม้ลามิเนต ที่ได้จากมาเลเซียนั้น ราคาไม่เเพงมากรวมทั้งมีมาตรฐานที่ระดับสากล จึงทำให้เป็นที่นิยมมากในบ้านเรา และอันดับสุดท้ายคือ ไม้ลามิเนต จากประเทศจีน จีนนั้นถือว่าเป็นเเหล่งผลิตที่ใหญ่มาก มีทรัพยากรมากที่สุด รวมทั้งค่าเเรง ค่าการผลิตที่ต่ำมาก ทำให้ไม้ลามิเนตจากประเทศจีนนั้นถูก แต่ไม้ลามิเนตจากประเทศจีนนั้น ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้างเนื่องจากว่าไม้ลามิเนตจากประเทศจีนบางบริษัทยังไม่ได้มาตรฐานที่ระดับสากลแต่สามารถใช้ได้ในบางกรณี ที่ไม่ต้องการใช้อย่างอย่างหนักหรือใช้ในระยะเวลาที่ไม่นานมากนัก เช่น โชวร์รูมรถยนต์,บู๊ทแสดงสินค้า ฯลฯ แต่ไม่เหมาะใช้กับบ้านพักอาศัยของเราเอง

 

 

วิธีการทำความสะอาด พื้นไม้ลามิเนต

     วิธีการทำความสะอาด พื้นไม้ลามิเนต สามารถทำได้ง่ายๆเหมือนกับการทำความสะอาดบ้านทั่วไป แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการเช็ด ถูบ้าน ที่ต้องไม่ใช้ ไม้ถูบ้าน ที่เปียกชุ่มด้วยน้ำ แล้วถูบ้านในทันทีไม้ถูบ้านที่เหมาะเเก่การทำความสะอาด พื้นไม้ลามิเนต ต้องบิดให้หมาดๆเท่านั้นเพราะถ้าไม้ถูบ้านเปียกมาก อาจจะทำเกิดปัญหากับ พื้นไม้ลามิเนต ของท่านได้เพราะน้ำสามารถซึมลงไปในช่วงต่อระหว่าง Click เเละเกิดการสะสมนานเข้าอาจจะทำให้ ไม้ลามิเนต ของท่าน ขยายตัวได้

วิธีติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต

เครื่องมือที่ต้องเตรียม
1. เลื่อย Jigsawเลื่อยวงเดือนพร้อมแท่นปรับองศา
2. เหล็กฉาก
3. ฆ้อนยาง
4. เครื่องมือช่างไม้ ( สิ่ว, ฆ้อน, ดินสอดำ ฯลฯ)
วัสดุที่ต้องใช้
1. ไม้พื้นลามิเนต  ขนาด 8 มม. หรือ 12 มม.
2. อุปกรณ์ตกแต่งไม้พื้น   ( บัวเชิงผนัง, คิ้วบัว, ตัวจบ )
3. แผ่นโฟมลามิเนต (PE Foam)  ความหนา 2 มม. หรือ แผ่นยาง EVA

 

 

ขั้นตอนการติดตั้ง

     ก่อนการติดตั้ง ตรวจความเรียบร้อยของสินค้า ความถูกต้องของสินค้า สี ขนาดและจำนวนของ สินค้า อุปกรณ์บัวเชิงผนังและตัวจบ ทำการคัดไม้เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของไม้ในแต่ละกล่อง สังเกตุ ความคด งอของไม้ รอยบิ่นของเขี้ยวล๊อค  หากพบให้ทำการแก้ไขเบื้องต้นก่อน  เพื่อลดปัญหาไม้โก่งหรือมีปัญหาในการติดตั้งตรวจสอบรอยตำหนิ คราบบนแผ่นไม้  ถ้าพบควรทำการแก้ไขก่อนทำการติดตั้ง

     เริ่มต้นจากด้วยการปูแผ่นโฟมลามิเนต (PE Foam) เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นจากพื้นเข้าสู่แผ่นไม้พื้น และเพื่อเป็นฉนวนป้องกันการสะท้อนของเสียง ต้องปูให้ปลายแผ่นโฟมเหลื่อมขึ้นไปบนกำแพง  ในการเชื่อมต่อแผ่นฟิล์ม ต้องวางชิดติดกันไม่ต้องซ้อนทับแล้วปิดทับด้วยเทปกาว การเข้าไม้ให้ เข้าลิ้นที่ 45 องศา แล้วกดลงเพื่อให้ไม้เข้าล๊อคกัน ก่อนทำการติดตั้งจำเป็นจะต้องคำนวนความกว้างของไม้ พื้นลามิเนตแผ่นสุดท้ายในแต่ละแถว โดยไม้พื้นลามิเนตแผ่นสุดท้ายที่จะทำการติดตั้ง ต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 50 มม. แต่หากความกว้างของแผ่นสุดท้ายน้อยกว่า 50 มม.แล้ว  จะต้องตัดให้แผ่นไม้พื้นลามิเนต แผ่นแรกและแผ่นสุดท้าย มีความกว้างเท่ากัน คือ ไม่น้อยกว่า 50 มม. และจะต้องเว้นระยะห่างระหว่างไม้พื้นกับกำแพงแต่ละด้านเท่ากับ 15 มม.

     ในการปูแผ่นไม้พื้นลามิเนตนั้น  แผ่นไม้แผ่นแรก ต้องวางให้รางลิ้นหันเข้าหากำแพง โดยใช้ลิ่มเป็นตัวกั้น เพื่อวางแนวการติดตั้งให้ได้ระยะห่างจากกำแพง 15 มม. เมื่อเข้าลิ้นด้านยาวแล้วให้ทำการเข้าลิ้นด้านกว้างด้วยการตอกด้วยฆ้อนยาง

     หลังจากทำการติดตั้งไม้พื้นเสร็จให้ทำการสำรวจระยะห่างของไม้พื้นซึ่งควรมีระยะห่างจากผนังประมาณ 12-15 มม. ทุกด้าน ทำการติดตั้งบัวเชิงผนังโดยใช้กาวขาว  ในส่วนมุมผนังให้ทำการตัดมุม 45 องศา แล้วนำมาชนกันให้เรียบร้อย  ทำการติดตั้งตัวจบตามที่กำหนด ที่ประตูและส่วนเชื่อม สุดท้ายทำความสะอาดหน้างาน

 

ข้อแนะนำการติดตั้ง

- ปรับตกแต่งแผ่นไม้พื้นลามิเนต โดยเคาะขอบที่ยื่นออกมาด้วย ค้อน  และลิ่มเบาๆ

- โดยปกติ แผ่นไม้พื้นจะมีการขยายตัว ดังนั้นเมื่อทำการติดตั้งจะต้องมีการเผื่อระยะห่างระหว่างไม้กับกำแพงห้อง หรือส่วนที่ติดตาย เช่น ธรณีประตู ประมาณ 12-15 มม. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ขนาดของห้องที่ทำการปู

- พื้นที่ที่ทำการติดตั้งไม้พื้นลามิเนตควรแห้ง สะอาด และปรับแต่งพื้นผิวให้ได้ระดับเสมอกันก่อน กรณีพื้นผิวที่ไม่เรียบ ควรมีความต่างระดับไม่เกิน 3 มม.

- ในการตัดไม้พื้นควรหาภาชนะรองรับ  ไม่ควรทำการตัดไม้พื้นในห้องที่ทำการติดตั้ง  ควรแยกออกไปทำนอกพื้นที่  เนื่องจากจะมีโอกาสที่ฝุ่นจากเศษไม้ไปเกาะตามผนัง ทำให้ต้องมาทำความสะอาดในภายหลัง  ในกรณีที่ทางหน่วยงานทำสีพิเศษอาจทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องการซ่อมสี เพิ่มขึ้น

- กรณีต้องมีการตกแต่งวางเฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักมากหรือติดตั้ง Build-in ยึดตายที่ไม้พื้นลามิเนตควรทำหลังจากที่ติดตั้งไม้พื้นแล้วประมาณ 3-4 อาทิตย์ เพื่อให้ไม้พื้นได้มีการขยายตัวตามสภาพอากาศปกติ

ข้อควรระวัง

- ไม่ให้มีความชื้นเข้าภายในสถานที่ที่ติดตั้งไม้พื้นเสร็จแล้ว

- บริเวณกรอบประตู, หน้าต่างภายนอก ต้องยาแนวซิลิโคนให้เรียบร้อย

- ท่อระบายน้ำบริเวณระเบียง, ห้องน้ำ ,ท่อน้ำแอร์ต้องไม่ตันและไม่รั่วซึม

- กรณีติดตั้งไม้พื้นลามิเนตแล้วเสร็จ และยังไม่ได้อยู่อาศัยหรือยังต้องมีการตกแต่งส่วนอื่นอีก ควรคลุมพลาสติกหรือกระดาษลูกฟูก  ทับหน้าไม้พื้นลามิเนต เพื่อป้องกันการกระแทก, ความร้อนกระทบผิวหน้าไม้

- ควรระวังไม่ให้วัสดุประเภทสีน้ำมันหรือทินเนอร์ หยดลงบนไม้พื้น

- ควร ทำการเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศภายนอกถ่ายเทในช่วงเวลากลางวันเป็นระยะเวลา ประมาณ 2-3 อาทิตย์ หลังการติดตั้งเพื่อให้ไม้พื้นขยายตัวในสภาพอากาศปกติ

 

การดูแลรักษา การทำความสะอาดไม้พื้นลามิเนต

     ไม้ พื้นลามิเนตเป็นวัสดุปูพื้นที่ทำความสะอาดได้ง่าย เพียงใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด  ก็สามารถเช็ดคราบสิ่งสกปรกต่างๆออกไม่ควรใช้ผ้าเปียกในการทำความสะอาด ไม่ควรใช้น้ำยาขัดเงาขัดถู หรือน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ทุกประเภท สามารถใช้สารอะซิโตน (ตัวทำละลายที่มีส่วนประกอบของสารอินทรีย์) เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนแผ่นไม้พื้นลามิเนต

 

 


ติดต่อเรา
ชื่อบริษัท: บริษัท สหนครทรัพย์ จำกัด
ผู้ติดต่อ: ชัญญา สุธีรางกูร
ที่อยู่: 14 ซอยแก้วเงินทอง 55 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
ประเทศ: ไทย
โทรศัพท์: 02-028-8452
โทรสาร: 02-028-8452
มือถือ: 089-893-9506, 089-963-0267
ไลน์ไอดี: 0898939506 (เบอร์ไลน์)
อีเมล์: sahanakornsap@yahoo.com
ส่งข้อความถึงผู้ผลิต/ผู้ขาย
รหัสประเทศ เบอร์โทรศัพท์
+66
ผิดพลาดกรุณาลองใหม่อีกครั้ง
Copyright ©2020, สร้างเว็บไซต์คุณภาพโดย QuinL.co.th. All Rights Reserved.